
สิ่งที่ เป๊ป ต้องการจากทีมเยาวชนของเรือใบ
เจสัน วิลค็อกซ์ หัวหน้าโค้ชศูนย์ฝึกเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาเปิดเผยถึงสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการจากดาวรุ่งของสโมสรเพื่อเข้าไปอยู่ในทีมของเขา หลัง ฟิล โฟเด้น และเอริค การ์เซีย เป็นสองดาวรุ่งของทีมที่ได้รับโอกาสลงสนามฤดูกาลนี้ และได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
โฟเด้นและการ์เซียมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น แต่ก็ได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ โดยวิลค็อกซ์เปิดเผยว่า ไม่ได้เป็นเพราะศักยภาพของตัวนักเตะเท่านั้นที่ทำให้ได้รับโอกาสลงสนามฤดูกาลนี้ แต่ยังรวมถึงทัศนคติในการเล่นของนักเตะด้วย
วิลค็อกซ์ กล่าวว่า “กับความทะเยอทะยานของพวกเขาสำหรับการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ กับสิ่งที่คุณได้เห็นจากฟิลและเอริค พวกเขาทั้งสองคนได้รับโอกาสกับทีมชุดใหญ่ในเวลานี้ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่สองนักเตะที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็น 2 คนที่น่าเหลือเชื่อ นักเตะทุกคนที่เวลา แต่ต้องไม่มีอีโก้ และต้องแสดงความเคารพต่อคนอื่นอย่างมาก มีแรงผลักดัน และต้องการลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ทุกสัปดาห์”
แมนฯ ซิตี้ มีการลงทุนอย่างมากมายในการพัฒนานักเตะ กับศูนย์ฝึกของสโมสร และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศูนย์ฝึกดีที่สุดในโลก แต่สิ่งดังกล่าวก็ไม่สามารถการันตีในการสร้างความสำเร็จให้กับทีมได้ ในขณะที่โฟเด้นอยู่กับทีมอะคาเดมี่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และลงเล่นมาทุกระดับให้กับสโมสร ในขณะที่การ์เซียย้ายจากบาร์เซโลน่ามาร่วมทีม และสุดท้าย เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการลงสนามให้กับกวาร์ดิโอล่า
วิลค็อกซ์ กล่าวต่อว่า “สโมสรของพวกเราต้องการท้าชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ทั้งเอฟเอ คัพ และลีก คัพ มันต้องใช้ความอดทน และให้เวลากับโครงการของพวกเรา กับสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ พวกเราจะพยายามทำมัน ผมไม่ได้เห็นนักเตะอายุ 18-19 ปีที่ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอให้กับทีมชุดใหญ่มากนัก กับทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก และผมแทบไม่เห็นในท็อปโฟร์เลย ดังนั้น มันจึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของฟิลและเอริค กับความสำเร็จของพวกเขา และมันเป็นหน้าที่ของพวกเรา”
“มันเป็นความทะเยอทะยานของพวกเรา นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องลุกจากเตียงนอนในตอนเช้าและหวังที่จะสร้างนักฟุตบอลที่น่าเหลือเชื่อ แต่พวกเขาก็ทำได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ พวกเขาทำได้ดี และนั่นก็คือสิ่งที่พวกเราภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน กับสิ่งที่พวกเขาได้ทำออกมา”